วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2551

เปลี่ยนอาหารให้น้องกระต่าย

เพื่อนๆ อาจจะกลัวว่า น้องต่ายจะเบื่อ ไม่เจริญอาหาร แล้วก็เห็นอาหาร ญี่ห้อต่างๆ น่ากินกว่าที่น้องต่ายกำลังกินอยู่ ก็เลยซื้อกลับบ้านมา แล้วก็เปลี่ยนแทนอาหารเก่าซะเลย แต่ผลที่ได้คือ น้องกระต่ายท้องเสีย


ทำไมเปลี่ยนอาหารปุบปับจึงทำให้ท้องเสีย

นั่นแน่ เริ่มเกิดคำถามแล้วใช่ไหมเอ่ย ว่าทำไมกระต่ายจึงท้องเสียถ้าเปลี่ยนอาหารแบบทันทีทันใด ทีคนอย่างเราๆยังไม่เห็นเป็นไรเลย

สาเหตุก็คือ ระบบย่อยอาหารของกระต่ายไม่เหมือนคนค่ะ เพราะว่าการย่อยอาหาร ของกระต่ายจะต้องอาศัยแบคทีเรียชนิดที่เป็นตัวพระเอก ที่อาศัยอยู่ในระบบย่อยอาหารของกระต่าย มาช่วยย่อยอาหารค่ะ แต่การปรับเปลี่ยนอาหารแบบฉับพลัน แบคทีเรียตัวจิ๊ดเดียวก็ปรับตัวไม่ทันเหมือนกัน ก็เลยทำให้ แบคทีเรียที่ชนิดที่เป็นตัวพระเอกที่ช่วยย่อยเกิดเสียสมดุลย์ขึ้นมา แล้วก็ทำให้แบคทีเรียชนิดที่เป็นฝั่งผู้ร้าย ที่เป็นตัวทำให้เกิดโรคเกิดฮึกเหิมขึ้นมา สำแดงเดช เลยทำให้กระต่ายเกิดอาการท้องเสียแบบที่เราเรียกกันน่านหละ

เพราะฉะนั้น การเปลี่ยนอาหารจึงต้องค่อยๆเปลี่ยนค่ะ ให้เวลาแบคทีเรียพระเอกของเราปรับตัวนี๊ดนึง ในการค่อยๆเปลี่ยนเอาอาหารใหม่มาแทนที่อาหารเก่า โดยเริ่มต้นก็ให้อาหารเก่าไปก่อนแล้วเอาอาหารใหม่ผสมลงไปแค่นิดเดียว แล้วค่อยๆเพิ่มอัตราส่วนอาหารใหม่เพิ่มขึ้นทีละนิดในมื้อถัดไป จนกระทั่ง แทนที่อาหารเก่าด้วยอาหารใหม่ทั้งหมด โดยให้เวลาเค้าปรับตัวอย่างน้อย 1 สัปดาห์ค่ะ

โดยเฉพาะลูกกระต่ายที่เพิ่งซื้อมา หรือเพิ่งหย่านมยิ่งไม่ควรเปลี่ยนอาหารแบบฉับพลัน ควรให้อาหารเก่าไปก่อนซักระยะค่ะ แล้วค่อยๆปรับแบบที่กล่าวมา ยิ่งถ้าใครซื้อลูกกระต่ายมาใหม่ๆ ควรจะถามคนขายว่าเดิมเค้าให้อาหารอะไรอยู่ แล้วก็ซื้ออาหารนั้นติดกลับมาด้วยค่ะ เพราะไหนลูกกระต่ายจะเครียดจากการย้ายบ้านใหม่ หากเจอเรื่องการเปลี่ยนแปลงอาหารแบบปุบปับอีก จะทำให้ท้องเสียได้ง่ายๆเลยเชียวค่ะ แล้วอาการท้องเสียในกระต่ายถือเป็นเรื่องร้ายแรงเลยนะคะ เพราะว่า กระต่ายจะอาการทรุดเพราะ ขาดน้ำ และเสียชีวิตได้เร็วมาก


การให้ผักผลไม้ก็เช่นกัน

ไม่ใช่แค่อาหารค่ะ การให้ผักผลไม้ก็เช่นเดียวกันค่ะ ถ้าลูกกระต่ายยังเล็ก ในช่วงแรกๆ ยังไม่แนะนำให้ให้ผักและผลไม้ เพราะว่า อาจจะเกิดท้องเสียได้ ควรรอให้หญ้าไปก่อน และค่อยๆหัดให้ผักและผลไม้ หลังจากที่ลูกกระต่ายอายุ ประมาณ 3 เดือน โดยการให้ผักผลไม้นั้น ก็ควรจะค่อยๆ ให้แค่ชิ้นเล็กๆ ให้วันละครั้ง ครั้งละนิด แล้วค่อยๆเพิ่มปริมาณทีละน้อย แบบเดียวกับอาหารเลยค่ะ เพื่อให้กระต่ายปรับตัวได้ค่ะ



ทำไมกระต่ายตามธรรมชาติไม่เห็นเป็นไร
ก็เพราะว่า ธรรมชาติ ไม่เคยเปลี่ยนอาหารกระต่ายแบบฉับพลันค่ะ ธรรมชาติมีฤดูกาล และเมื่อฤดูกาลหนึ่งกำลังเปลี่ยนไป ฤดูกาลใหม่ก็จะค่อยๆเข้ามาแทนที่ กระต่ายก็มีเวลาที่จะปรับตัวทีละน้อยๆ ไปตามธรรมชาติ

เรื่องนี้อาจจะเป็นเหมือนเรื่องเล็กๆ ที่หลายๆคนอาจจะมองข้าม แต่ก็เป็นเรื่องสำคัญสำหรับเพื่อนตัวน้อยๆ ของเรา เพราะ ว่าหากเรารู้จักเค้าดีพอเราก็จะได้สามารถเลี้ยงเค้าให้เติบโตขึ้นมาได้ อย่างถูกต้อง มีสุขภาพที่ดี แข็งแรง และอยู่กับเราได้นานๆค่ะ


น้องยาหยีของแม่กระต่าย


น้องยาหยีของแม่กระต่าย


คู่หมั้นของพี่เจ้านาย


น่ารัก น่าชัง


เรียบร้อย สมเปงกุลสตรีจริงๆ น่าจะพาไปปักตะไคร้


ตาหวานเชียวน๊า


ปาหวัดน้องหยี

น้องยาหยี เรียกสั้นๆว่าลูกหยี หรือรู้จักกันในชื่อไอ้ตัวเล็ก หรือไอ้เปี๊ยก 555+ ว่าที่เจ้าสาวของเจ้านายนั่นเอง ลัล ลัล ลา น้องเค้าแข็งแรง ยังไม่เคยป่วยเลย โหยๆๆๆ เก่งๆๆ แถมอึดอีกตะหาก ขนาดโดนพี่มันกัดซะขนกระจุยไปหลายรอบตอนนี้ ตีซี้ได้แระ สนิทกันแล้ว แถมพังห้องช่วยกันอีกตะหาก น่าจับแยก งึ่มๆๆๆ

หมอไร้น้ำใจ จริงเหรอ

มี่ไปเจอมาค่ะ ในบล๊อกพี่คนนึง ไม่รู้ใคร แต่อยากให้เพื่อนๆที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้อ่านกัน ในมุมมองของคนที่เปนหมอดูมั่ง อิอิ

หมอไร้น้ำใจ ไม่รักษาเพราะร้านจะปิด -->> ความเห็นเล็กๆ อีกมุมหนึ่งที่อยากจะบอกครับ
เนื้อหา พอดีไปอ่านๆ เพลินๆ ที่โต๊ะจตุจักร แล้วก็อ่านกระทู้นี้เจอพอดี
เป็นกระทู้ที่กล่าวถึงโรงพยาบาลสัตว์เอกชนแห่งหนึ่งที่กรุงเทพ

ใจจริงผมเองก็อยากจะแสดงความคิดเห็นในอีกมุมมองหนึ่ง
เพราะเห็นบางความเห็นแล้ว รู้สึกเหนื่อยใจอย่างบอกไม่ถูกเลยจริงๆ ครับ
แต่ครั้นจะแสดงความเห็นในกระทู้ ก็กลัวจะเป็นปัญหากันได้อีก
ผมก็เลยอยากจะแสดงความคิดเห็นเล็กๆ ใน blog ของผมน่าจะดีกว่า

ต้องออก ตัวนะครับว่า ผมทำงานเป็นลูกจ้างต๊อกต๋อยในโรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่งที่เชียงใหม่ เท่านั้น ก็ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน อาจจะเหมือนๆ กับคุณหมอคนที่ถูกว่าอยู่นั้นก็ได้

ที่ทำงานผมก็ไม่ได้เปิด 24 ชั่วโมงหรอกครับ
และไม่มีนโยบายที่จะเปิด 24 ชั่วโมงด้วย
ทีนี้เวลาใกล้ร้านจะปิดแล้ว บางวันมีเคสฉุกเฉินมาก็ต้องรับ
ทุกๆ คนก็ทำงานเหมือนๆ กันหล่ะครับ ช่วยเหลือกันไป
สำหรับที่ทำงานที่ผมทำ ทั้งหมอที่เหลืออยู่ และผู้ช่วยสัตวแพทย์ทุกคน จะมะรุมมะตุ้มกัน ทำงานเคสชิ้นนี้ให้เสร็จโดยเร็วที่สุด แล้วทุกคนก็จะได้รีบกลับบ้าน

เพราะทุกคนก็ทำงานกันมาตั้งแต่เช้าอ่ะครับ
ทำงานกันเฉลี่ยคนละ 10-11 ชั่วโมง/วัน และ 6 วัน/สัปดาห์
คงจะเหนื่อยๆ และ รอเวลาที่จะเลิกงานแล้ว (ไม่มีใครมารอเปลี่ยนกะด้วย)

ความจริงเรื่องแบบนี้ เป็นเรื่องยากที่จะพูดจริงๆ ครับ
ในมุมมองของผู้ใช้บริการ เจ้าของสัตว์ย่อมอยากได้รับการบริการที่เต็มที่มากที่สุด ซึ่ง บางที การที่เจ้าของมาช่วงเวลาร้านใกล้จะปิด นั้นมีข้อจำกัดหลายอย่าง ที่ลูกค้าอาจจะมองไม่เห็น แต่ที่แน่ๆ ก็คือว่า ผลตอบรับก็คือ กลายเป็นว่า หมอไม่มีน้ำใจ ใจร้ายใจดำ บางรายถึงสาปแช่งให้ถ้าคนรักเจ็บป่วย ก็ไม่มีหมอมารักษา

ที่ทำงาน หลายๆ แห่ง คงจะเหมือนๆ กัน ไม่ว่าที่ทำงานนั้นจะประกอบธุรกิจอะไร นั่นก็คือ ถ้าหากถึงเวลาใกล้เลิกงานแล้ว ไม่ว่าจะแผนกไหน ก็คงไม่ค่อยอยากจะทำอะไรกันเท่าไหร่ เพราะ เตรียมที่จะกลับบ้าน เตรียมจะไปดำเนินชีวิต ตามโปรแกรมที่ตนวางไว้ นัดแฟน ต้องไปรับลูก ไปกินข้าว เหมือนกับสาขาอาชีพอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานออฟฟิศ หรือ บริษัทห้างร้านทั่วๆ ไป

แต่ทีนี้ สถานพยาบาล ไม่เหมือนกับสถานบริการ บริษัหห้างร้านอื่นๆ
เพราะว่า ทำงานกับชีวิต มีเกิดแก่เจ็บตาย และมีเคสฉุกเฉิน

โรง พยาบาลสัตว์หลายแห่ง จึงได้แก้ปัญหา เรื่องเวลาเลิกงานของบุคลากร (ในที่นี้ คือทุกๆ คน มิใช่แค่สัตวแพทย์) ด้วยการปิดรับเคส หรือปิดรับบัตร ก่อนเวลาโรงพยาบาลปิดประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง เพื่อให้หมอและพนักงาน มีเวลาเคลียร์เคสต่างๆ ให้เรียบร้อย และไม่ต้องทำงานล่วงเวลา (ปัญหานี้ จะไม่เกิด ถ้าหากเป็นโรงพยาบาลที่เปิด 24 ชั่วโมง -- แต่ส่วนใหญ่ หมอที่รับเคสนั้นๆ ก็ต้องรับผิดชอบล่วงเวลาไป ตามหน้าที่ของตน)

ที นี้ ถ้าหากเป็นสถานพยาบาลสัตว์ของเอกชน ส่วนมากถ้าหากไม่มีเคสก็ปิดร้านกันตรงเวลา แต่ถ้าหากว่า มีเคสฉุกเฉิน หรือเคสที่เกี่ยวเนื่องจากเวลางานในปกติ อาทิเช่น ร้านปิด 20.00 น. แต่ลูกค้ามาถึง 19.50 น. ผมเชื่อว่า สัตวแพทย์น้อยรายที่จะปฏิเสธการให้บริการ จะให้บริการอย่างเต็มที่ แม้ว่าจะต้องล่วงเลยเวลา วันนี้จะต้องกลับบ้าน 21.00 น. ก็ตาม (บางแห่งก็ไม่ใช่ได้ค่าล่วงเวลานะครับ ก็ถือว่าเป็นเรื่องจริยธรรมที่สัตวแพทย์พึงจะต้องช่วยเหลือสัตว์อย่างเต็มที่)

แต่ ถ้าหากสัตวแพทย์รายนั้นรู้ว่า เคสนี้สามารถรอได้ และถ้าหากตัดสินใจทำหัตถการ อาจจะใช้เวลาล่วงเลยไปเนินนาน นั่นก็เป็นไปได้ที่สัตวแพทย์ อาจจะเลือกให้รอไปก่อน โดยทำแผลเบื้องต้นให้

ส่วนกรณีลูกค้ารายนั้น มาถึงเวลา 20.05 น. หลังร้านปิด ซึ่งเป็นไปได้สูงว่าบุคลากรส่วนอื่นๆ อาทิเช่น ผู้ช่วยสัตวแพทย์ หรือ ฝ่ายการเงิน จะกลับบ้านไปหมดแล้ว การรักษาย่อมมีอุปสรรค เนื่องจากการตรวจที่ใช้เทคนิคพิเศษต่างๆ (อาทิเช่น X-ray หรือหัตถการต่างๆ) จะไม่มีใครเหลืออยู่ช่วยเลย (แม้ว่าตัวหมอเองอยากจะช่วยก็ตาม) จึงไม่สามารถดำเนินงานได้สมบูรณ์แบบ เมื่อเทียบกับเวลาปกติ

และเคสที่มีความเฉพาะ มีความยาก อาทิเช่นเคสอุบัติเหตุที่เกี่ยวกับดวงตาแล้ว อาจจะต้องใช้สัตวแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง มาช่วยดำเนินการให้ (เพราะถ้าหากเป็นหมอมือใหม่ บางรายอาจจะยังไม่กล้าที่จะทำหัตถการนี้ด้วยตนเอง และไม่อยากที่จะทำแล้วเกิดปัญหาตามมาก็เป็นได้) จึงมีความจำเป็นที่จะต้องนัดมาทำในวันรุ่งขึ้น (แต่กรณ๊ลูกตา ที่ผมเคยทำ ก็จะทำให้ตายุบลงก่อน แล้วค่อยเย็บปิด แล้วนัดวันรุ่งขึ้น)

ถ้า หากเจ้าของมีความตั้งใจที่จะให้ดำเนินทำหัตถการนั้นๆ จริงๆ ในวันนั้น ก็จำเป็นที่จะต้องไปรักษาต่อที่อื่น แต่ถ้าหากว่าสิ่งใดที่สัตวแพทย์นั้นสามารถช่วยเหลือได้ในเบื้องต้น ผมคิดว่าไม่มีสัตวแพทย์คนไหนจะปฏิเสธการรักษาหรอกครับ!!

ผมเห็นหลายๆ คนชอบแสดงความคิดเห็นกระแนะกระแน แล้วรู้สึกไม่สบายใจจริงๆ
-- ทำงานล่วงเวลานิดหน่อยจะตายเลยหรือเปล่า? -->> ไม่มีใครตายหรอกครับ สัตวแพทย์ทำงานล่วงเวลา ก็ทำกันตั้งเยอะแยะ หมอคนที่ถูกว่า อาจจะต้องทำงานล่วงเวลามาหลายครั้งแล้วก็ได้ แต่เนื่องจากปัญหาต่างๆ ตามที่ผมกล่าว จึงทำให้เค้าต้องปฏิเสธเคส หรืออาจจะดำเนินการในวันนั้นยังไม่ได้ (แต่ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจนะครับว่า สมควรหรือไม่ที่จะปล่อยไป)
-- ถ้าไม่รักสัตว์ แล้วจะเรียนสัตวแพทย์ทำไม? -->> คุณคร้าบ ... สัตวแพทย์เรียน 6 ปีนะครับ ถ้าไม่ใจรัก คงไม่ดันทุรังเรียนจนจบ
หรือ ถ้าไม่ชอบหมาแมวจริงๆ ก็ไม่ดันทุรังทำงานอย่างนี้หรอกคร้าบ ... สัตวแพทย์มีสายงานให้เลือกทำเยอะมากๆ ทั้งสัตวใหญ่ ฟาร์ม งานด้านสาธารณสุข งานราชการ ส่วนมากคนที่เลือกที่จะทำด้านสัตว์เล็ก (รักษาหมาแมว) ก็จะต้องรักสัตว์ ต้องเจอหน้ากันทุกวัน (แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับสถานที่ทำงาน บุคลากร และอุปกรณ์ที่จะช่วยเหลือ ในเวลาที่ร้านจะปิดด้วย)

ผมก็อยากจะกล่าวแค่นี้หล่ะครับ
รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่
ผมเองก็เคยปฏิเสธลูกค้าเหมือนกัน
เพราะในเมื่อตนเองไม่พร้อม (เมื่อร้านปิดตอนกลางคืนไปแล้ว)
คุณลูกค้าก็อาจจะจำเป็นต้องไปหาที่อื่นๆ ที่เปิด 24 ชั่วโมง และมีความพร้อม(ในช่วงเวลานั้น) มากกว่าอ่ะครับ

แต่เชื่อเถอะครับว่า คนที่เป็นสัตวแพทย์
ถ้าช่วยอะไรได้ก็จะช่วยให้มากที่สุด ตามดุลยพินิจของตนครับ

ตัวหนังสือสีแดงเปงคำพูดมี่ ที่เหลือ ของพี่เค้าหมดเลยงับ ตามนั้นเลย มี่ป่าวเพิ่มเติม ป่าวลดอะไรเลยน๊า เอิ๊กๆๆ

จับน้องกระต่ายอาบน้ำ


มี่ไปอ่านเจอมา อันแรกเลย หัดน้องเข้าห้องน้ำ
หัดเข้าห้องน้ำ ก่อนอื่นต้องจำกัดบริเวณเป็นอย่างแรก หลังจากนั้นก็ทำความสะอาดไม่ให้มีกลิ่นตามที่ต่างๆที่เขาไปฉี่เอาไว้จนหมด สิ้น ตามด้วยการนำห้องน้ำที่มีอึ กีบกระดาษที่ซับฉี่น้องไปวางในห้องน้ำแล้วเอาห้องน้ำไปวางไว้ในที่ๆเราจำกัด บริเวณ เช่นมีการกั้นคอก แล้วรอจนกว่าเขาจะฉี่ในห้องน้ำเป็นแล้วถึงจะปล่อยออกมาตามสบาย แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลา ถึงจะสำเร็จ

ส่วนอาบน้ำให้น้องกระต่าย
ถ้าอาบควรอาบน้ำเปล่าแบบเร็วๆ เพราะเขาเริ่มโต ถ้าจับแรงๆอาจจะเจ็บตัวได้โดยเฉพาะคนจับ หรือไม่ก็หลอกให้เข้าไปในห้องน้ำแล้วก็เปิดฝักบัวเบาๆ
ซักระยะหนึ่งก่อนให้เขาไม่ตกใจแล้วก็เคลียด จากนั้นค่อยๆอาบไล่ไปตั้งแต่ขาไปถึงตัวแต่อย่าให้น้ำเขาหู ถ้าเป็นไปได้หยุดไว้แค่ที่คอหัวกะหูไม่ต้อง
เอาผ้าชุบน้ำหมาดๆเช็ดเอา ทนเขาสลัดน้ำหน่อยละกัน เพราะการอาบน้ำทำให้เขาเครียด

เสร็จแล้วเอาผ้าแห้งที่เตรียมไว้มาห่อตัวแล้วเช็ด(อย่าเช็ดแรงเขากลัว) จากนั้นใช้ไดร์เป่าให้แห้ง(ใช้ลมเย็นเป่าไกลๆหน่อยเดี๋ยวตกใจ)
หรือไม่ก็พัดลมดีที่สุดแต่แห้งช้าหน่อย ต่อไปเป่าแห้งพอประมาณแล้วก็ปล่อยเขาไปก่อนสักพักหนึ่งให้เขาทำความสะอาดขนตัวเองตามปรกติ
ส่วนใหญ่เขาจะทำความสะอาดตัวเองอยู่แล้วตลอดเวลาตัวเปียกสุดท้ายก็โรยแป้งสำหรับเขา หรือจะถูจากมือเราก่อนแล้วค่อยลูบตัวเขาก็ได้เหมือทาตัวคนแหละ
ไม่ต้องใส่เยอะนะเดี๋ยวเขาจะเลียเขาไปมากเกินท้องจะเสียเอา



ถ้าน้องเค้ายังเด็กล่ะ อาบน้ำได้มั้ย
นี่คำถามนี้สดๆร้อนๆเลย พี่ในบอร์ดเค้าถามมา จับมากองรวมไว้ในบล๊อกเลยนะกัน อิอิ เหมาะๆๆ
น้องกระต่ายเค้าจะเลียขนทำความสะอาดตัวเองอะค่ะ รออีกซักพักโตอีกนิดค่อยอาบให้ แต่ว่าการอาบน้ำแล้วไดร์ขนไม่แห้ง ก็อาจจะป่วยเป็นหวัดได้นะคะ
ตอนนี้ยังเด็กอยู่ถ้าน้องเค้าขนยาว ใช้หวีขนบ่อยๆ ช่วยได้เยอะเลยค่ะ สเปย์สำหรับสัตว์เลี้ยง ฉีดนิดๆ แล้วก็เอาหวีลูบ จะสะอาด หอมมมมมด้วย แต่ถ้าน้องกระต่ายสกปรก เอาผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดก็ได้ค่ะ

ว่าแล้วก็ ไปดูรูปฮาๆของน้องกระต่ายกัน


นี่เปงความคิดเหงของเจ้าของกระต่ายเกี่ยวกะการอาบน้ำ

ปกติ กระต่ายรักสะอาดนะ ที่บ้านไม่ต้องทำความสะอาดเลยค่ะ เขาดูแลตัวเองดีมากๆ เลียหูเลียขนบ่อย เราก็แค่จับมาตัดๆตรงที่เริ่มจับตัวเป็นก้อน แค่นั้นเอง
เมื่อ รู้ว่ากระต่ายสกปรกเพราะอะไร เราก็แก้ไขตรงจุดนั้นน่าจะดีกว่านะคะ อย่างที่บอกว่ากระต่ายชอบนอนทับฉี่ตัวเอง เป็นเพราะกระต่ายใช้ห้องน้ำไม่เป็นเหรอคะ ควรจะหัดให้กระต่ายใช้ห้องน้ำ เพราะถ้าใช้ห้องน้ำเป็นจะสะดวกต่อคนเลี้ยงและกระต่ายมากเลย

ส่วนมากถ้าเลี้ยงกระต่ายในกรงที่มีตะแกรงรองด้านล่าง เวลากระต่ายอึฉี่ก็จะลงข้างล่าง ตัวกระต่ายจะไม่สกปรกค่ะ หรือว่าเลี้ยงแบบกั้นคอก หรือปล่อยอิสระก็ต้องหัดให้ใช้ห้องน้ำให้ได้ กระต่ายหัดได้ค่ะ

ถ้า กระต่ายสกปรก เอาผ้าชุบน้ำอุ่นๆมาเช็ดนะคะ หรือไม่ก็ซื้อสเปย์ทำความสะอาดกระต่ายมาใช้ก็ได้ค่ะ แต่ถ้ายังแก้ที่ต้นเหตไม่ได้ กระต่ายก็ต้องสกปรกทุกวัน คนเลี้ยงคงตามทำความสะอาดกันให้ไม่ไหวหรอกมั้งคะ

อย่าใช้ผ้าเย็นทำความสะอาดกระต่ายเด็ดขาดนะคะ เพราะผ้าเย็นที่วางจำหน่ายทั่วไปมีส่วนผสมของสารให้ความเย็น ได้แก่ เมธิลแอลกอฮอล์ ซึ่งอันตรายมากๆ ค่ะ เพราะปกติกระต่ายมักจะทำความสะอาดตัวเองด้วยการเลียขนเป็นประจำทั้งวันอยู่ แล้วน่ะค่ะ ถ้าใช้แล้วเค้าเลียเข้าไปเป็นอันตรายถึงชีวิตได้นะคะ

ทำความสะอาดเฉพาะจุดที่สกปรกอ่ะจ้า โดยการใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำสะอาดธรมดาๆ เช็ดตรงที่สกปรก แล้วรีบใช้ผ้าขนหนูแห้งๆ อีกผืนเช็ดให้แห้ง แค่นี้ก็พอแล้วน่ะค่ะ แต่ถ้าสกปรกสุดๆ เช็ดไม่ออกจริงๆ เราเล็มขนตรงที่เปื้อนออกน่ะค่ะ


นี่เลยค่ะ ถ้ามันดื้อกะแม่มากๆ ก็จับหูมันกระชากขึ้นแบบนี้ เอามีดตัดหูมันทิ้งไปเล๊ยย 55+ มี่ล้อเล่นนะ อย่าไปทำจิงนะสงสารน้องเค้า

เมื่อน้องกระต่ายอยากมีเมีย



นอนเหงาใจมานานอยากมีคู่ ฮือออออออ ทำไงดี กลุ้มแทนน้องกระต่าย ไม่ได้ซะแล้ว ในฐานะแม่น้องกระต่ายต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว



เก็บกดหนักเข้า ไม่ไหวแล้ว มาอ้อนแม่ให้หาเมียให้ 55+ (รู้มาตั้งนานแล้วน่าว่าเปลี่ยวใจ ไอ้ลูกชาย มะ เด๋วแม่จัดให้)



อ้าวเจอแล้ว นี่ไงว่าที่คู่หมั้นน้องเจ้านายค่ะ เป็นลูกสาวแม่นุชกะพ่ออ๊อฟ เพื่อนมี่เองค่ะ



แต่ดูเหมือนว่าเจ้านายจะอกหักตั้งแต่ยังไม่เจอหน้าเจ้าสาวซะแล้ววววว ดูจิ เค้ามีคู่หมายอยู่แล้ว มองตาขวางเชียว เชอะ




อกหักแล้วก็มานอนแป่ว ซดน้ำใบบัวบกทำใจไปก่อนนะน้องเอ้ย เก็บอารมณ์ไว้ก่อนลูก เจ้านายสู้ๆ มาหื่นกะขาแม่ไปก่อน อดทนอีกนิ๊ดนุงน๊าลูน๊า เอิ๊กๆๆ

ปล.ตอนนี้น้องเค้ามียาหยีมาอยู่เปงเพื่อนแล้ว ดูท่าทาง ยาหยีนี่ ชะรอยจะเปงคู่แท้เค้าเลยล่ะ

วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2551

อุปกรณ์สำหรับน้องกระต่าย

ตัดสินใจได้แล้วใช่ป่ะคะ ว่าจะเลี้ยงน้องกระต่ายแน่ๆ งั้นก่อนอื่นมาดูกันน๊าว่าเราจะเลือกซื้อของยังไงให้ถูกใจน้องกระต่าย เอิ๊กๆ

อยากจะบอกว่าเหมือนเปนเรื่องง่ายๆ แต่ความจริงย๊าก-ยากๆๆๆๆๆ เพราะกว่ามี่จะหาของให้ถูกใจพี่แกได้ก็แทบแย่ เห้อ สมชื่อเจ้านายจริงๆ มี่ละเปงทั้งแม่ เปงทั้งคนใช้มัน แง้ว


ก่อนอื่นเลย มาดูกรงกันก่อน
อันนี้สำคัญค่ะ การมีกรงที่เหมาะสม ก็จะทำให้กระต่ายมีความสุขค่ะ เพราะอย่าลืมว่า กระต่ายส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตอยู่ในกรง มากกว่าข้างนอก ดังนั้นกรงควรจะสะอาด ระบายอากาศดี และมีความกว้างขวางเพียงพอค่ะ

นอกจากนี้เราควรจะเลือกกรงที่เป็นพื้นทึบจะดีกว่าค่ะ เพราะว่า อย่างที่เรารู้กันอยู่นะคะ (รู้รึป่าวเอ่ย แหะๆ)
กระต่ายต้องกินอึบางชนิดกลับเข้าไป (เพราะเป็นสัตว์กินพืช เมื่อกระต่ายกินอาหาร เข้าไปซึ่งจะย่อยยาก แบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ตอนต้นของกระต่าย จะทำการผลิตวิตามิน ที่มีประโยชน์ให้กับกระต่าย ซึ่งสารอาหารที่มีประโยชน์จากแบคทีเรียกนี้ บางส่วนจะโดนขับออกมา กับอึของกระต่าย ซึ่งได้แก่ โปรตีน และวิตามิน B ซึ่งบางครั้งกระต่ายจะต้องกินกลับเข้าไป เพื่อรักษาสมดุลย์ธรรมชาติของร่างกายเค้าค่ะ)



หากเราเลี้ยงแบบที่พื้นเป็นซี่กรง อึนี้จะตกลงไประหว่างซี่กรง ทำให้กระต่ายไม่สามารถจะกินได้ค่ะ ดังนั้นการเลี้ยงในกรงพื้นทึบจะดีกว่าค่ะ

การเลือกกรงที่ดีนั้น กรงควรจะใหญ่กว่าตัวกระต่ายประมาณ 4 เท่าค่ะ
ขนาดกรงที่เหมาะสมสำหรับกระต่ายเล็กคือประมาณ 25 X 35 นิ้วค่ะ
ส่วนกระต่ายโต ขนาดประมาณ 30 X 35 นิ้วค่ะ เราควรจะเลือกกรงที่ไม่เตี้ยเกินไป เพื่อให้กระต่ายสามารถจะยืน 2 ขาได้



กระบอกน้ำ จะช่วยให้กระต่ายมีน้ำที่สะอาดกิน เราไม่ควรจะใส่น้ำลงในภาชนะ เพราะว่า เศษอาหาร อุจจาระ และผักหญ้า อาจจะตกหล่นลงไปในน้ำ จะทำให้เน่าเสีย และทำให้กระต่ายท้องเสียอีกด้วย

การเลือกซื้อกระบอกน้ำ เราควรจะซื้อกระบอกน้ำอย่างดีไปเลยค่ะ อย่ามัวเสียดาย เพราะว่า กระต่ายตัวนึงมีอายุขัยตั้งเกือบ 10 ปี เราซื้อกระบอกน้ำอย่างดี ใช้นานๆ แบบไม่มีปัญหาการรั่วซึม ดีกว่าค่ะ เพราะว่าอากาศบ้านเรานั้น ร้อนมาก หากกระบอกน้ำไม่ดี น้ำไม่ไหล อาจจะทำให้กระต่ายตายได้นะคะ




แต่สำหรับไอ้ตัวนี้ กระบอกน้ำไม่ใช่ปัญหาเลยค่ะ มันไม่ยอมกิน มันจะกินจากในแก้วอย่างเดียวเลย พอหิวน้ำก็จะมาคุ้ยๆๆๆตะกุยแขนให้แม่มันหาให้กิน น้ำธรรมดาไม่กินด้วย พี่แกจะกินน้ำเย็น ชาเขียวเอย น้ำหวานเอย สารพัดจะสรรหามาปรนเปรอพี่แก

แต่ไม่แนะนำให้ทำตามนะคะ เพราะน้องกระต่ายจะไม่สบายเอา แต่อีตัวนี้กรณียกเว้นค่ะ มันอึดจนเกินกระต่าย แหะๆ

น้องกระต่ายก็พูดได้นะค๊าฟ



แม้ว่ากระต่ายจะมีมานาน ในเมืองไทย แต่จะมีผู้เลี้ยงซักกี่คน ที่สนใจจะเรียนรู้ภาษากระต่าย เพราะว่า กระต่ายพูดไม่ได้ เราจึงเข้าใจในกระต่ายได้ยาก แต่กระต่ายก็มีภาษากายนะคะ หากเราค่อยๆสังเกต และทำความข้าใจ เราก็จะเข้าใจในสิ่งที่เค้าพยายามสื่อสารกับเราได้ค่ะ

กระต่ายไม่ค่อยร้อง และสื่อสารกันด้วยกลิ่น



ถึงแม้ว่ากระต่ายเป็นสัตว์สังคม แต่ว่าพวกเค้าไม่มีการทักทายกันที่ส่งเสียงดังเหมือนเดียวกับสัตว์อื่น ๆ เช่นสุนัข หรือแมว นั่นเป็นเพราะว่าพวกเค้า เป็นผู้ถูกล่า และการส่งเสียงดังนั้นย่อมเป็นการบอกให้สัตว์ต่าง ๆ ที่เป็นผู้ล่า อย่างเช่น ตุ๊กแก แมลงสาบ หนู (ก็มี่กลัวอ่ะ กระต่ายก็ต้องกลัวเหมือนมี่แหละ)รู้ถึงตำแหน่งของพวกเค้า ดังนั้นเค้าจะเงียบ และใช้กลิ่นในการสื่อสารกันเสียส่วนใหญ่ค่ะ ซึ่งการใช้กลิ่นสำหรับกระต่ายนั้น สำคัญมากค่ะ และกระต่ายมีจมูกที่ไวมาก นับเป็นการสื่อสาร ที่พัฒนาไปมากที่สุดของกระต่ายก็ว่าได้



การใช้กลิ่นนั้น ก็เหมือนกับเป็นบันทึกลับที่กระต่ายบันทึกเอาไว้ให้แก่กันและกัน จะมีเฉพาะกระต่ายที่เข้าใจกัน เช่น เค้าสามารถจะบอกกันได้ว่า ที่ตรงนี้เป็นอาณาเขตของเค้าหรือเปล่า โดยไม่ต้องพูดกันซักคำ นอกจากนี้ กลิ่นยังเป็นประโยชน์อย่างมากในการสื่อสารในที่มืด หรือในยามที่ กระต่ายไม่ต้องการให้ตัวเค้าเป็นที่สนใจ ของสัตว์อื่น ๆ โดยเฉพาะผู้ล่า ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับสัตว์ที่มีผู้ล่ามากมายเช่นกระต่าย



นอกจากนี้ กระต่ายนั้น ก็มักจะไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจนเมื่อเค้ารู้สึกเจ็บปวดหรือหวาดกลัว
ซึ่งทำให้การแสดงออกต่าง ๆ ของกระต่ายนั้น มักจะไม่ทำให้เจ้าของสังเกต เพราะว่าการแสดงออก ถึงความอ่อนแอ หากอยู่ในธรรมชาติ เค้าจะตกเป็นเป้าโจมตีของศัตรูได้ง่าย และด้วยความที่เค้าไม่ร้อง เลยทำให้เราคาดคะเนได้ยากว่าเค้าต้องการอะไร หรือป่วยหรือไม่

การส่งเสียงร้อง
ตามปกติกระต่ายจะไม่ค่อยส่งเสียงร้องพร่ำเพรื่อค่ะ แต่จะร้องเสียงดังเมื่อเจ็บปวด



อาการก้าวร้าว

ปกติแล้วกระต่ายจะอ่อนโยน สุภาพ แต่หากเค้ากลัวมากๆ เค้าก็อาจจะมีอาการก้าวร้าวเช่น กัด หรือ ถีบได้ หากเป็นแบบนี้แปลว่าเค้าไม่ไว้ใจเราค่ะ เราต้องอาศัยเวลาเพื่อให้เค้ารู้ว่า เรารักและจะไม่ทำร้ายเค้า พยายามอย่าทำให้เค้าตกใจกลัว

จะเลี้ยงกระต่ายกี่ตัวดีนะ

ถ้าตัดสินใจว่าจะเลี้ยงน้องกระต่ายแน่ๆแล้วละก็ มาดูกันดีกว่าเนอะ ว่าจะเลี้ยงทีละกี่ตัวดี อิอิ
มี่ทายเลยนะว่า ใครที่เริ่มเลี้ยงใหม่ๆ ก็จะหอบน้องเค้ากลับมาเป็นแพคคู่กันทั้งน้านแหละ แล้วถ้าทายทายต่อ มี่ก้อว่า ผู้ กะ เมีย ชัวร์ป๊าบ 100 นุง มี่ เอา บาทเดียวเลยกะได้ มี่เคยเป็นมาก่อน สมัยเลี้ยงน้องกระต่ายใหม่ๆ มี่เป็นหนักมากๆเลยอีกตะหาก มาดูกันดีกว่า ว่าที่มี่หอบกลับมาน่ะ คิดถูก หรือ คิดผิด โหะๆๆ


ที่จริงแล้ว กระต่ายเป็นสัตว์สังคมค่ะ จริงๆแล้ว เค้าต้องการเพื่อน เพื่อนๆ หลายๆคนอาจจะนึกค้านในใจว่า "ก็เจ้าของนี่หละ คือเพื่อน ของกระต่าย" แต่จริงๆแล้ว ก็ไม่ถูกเสียทีเดียวหรอกค่ะ เพราะว่า ถ้ากระต่ายจะมีเจ้าของเป็นเพื่อน แต่เค้าก็ต้องการเพื่อนชนิด เดียวกันด้วย เราไม่สามารถจะเข้าไปแทนที่ได้ หรอกค่ะ

ลองนึกง่ายๆ มันก็เหมือนกับเอาคน ๆ นึงไปขังไว้ในห้อง ที่มีแต่กระต่ายอยู่เป็นเพื่อน ไม่ให้คนๆนั้นไปเจอ มนุษย์คนอื่นเลย แน่นอนค่ะ นานๆ เข้า คนๆนั้นก็จะเหงา และ เบื่อ อยากเจอใครที่เหมือนกัน คุยกันได้รู้เรื่อง น้องกระต่ายก็ไม่ต่างกับเราค่ะ



ทีนี้เพื่อนๆ ก็คงจะเกิดคำถามแล้วสิ ว่า อ้าว แล้วงี้จะเลี้ยงกี่ตัวดีล่ะ

ในเมื่อการเลี้ยงตัวเดียว จะทำให้น้องกระต่ายเหงา เราจึงควรจะเลี้ยงเป็นคู่ค่ะ แต่ไม่แนะนำให้เลี้ยงเป็นฝูงๆ เพราะว่า พอกระต่ายเริ่มเต็มบ้าน จากเดิมที่เพื่อนๆ เคยสนุก เพื่อนๆ จะรู้สึกว่า เค้าเป็นภาระ อย่างเช่น เมื่อทำความสะอาดกรง หรือว่า อาบน้ำ แต่ละครั้ง เพื่อนๆ ก็จะเบื่อหน่ายที่วันหยุดของเพื่อนๆ หมดไปทั้งวัน และขี้เกียจ แล้วก็พาลลงกับน้องกระต่ายเหล่านั้นค่ะ เค้าจะเริ่มโดนทิ้งขว้าง ไม่ดูแลอย่างดีเหมือนตอนที่เพื่อนๆ เริ่มเลี้ยงใหม่ๆ

อยู่ตัวเดียวก็น่าสงสาร

ที่จริงแล้ว กระต่ายเป็นสัตว์ที่ ขยั๊นขยัน ในการ ผสมพันธุ์ค่ะ เรียกง่ายๆก็คือมันเป็นอะไรที่หื่นมากๆ หื่นบ่อยๆ แหะๆ ถ้าเพื่อนๆ ไม่อยากจะมีปัญหา เรื่องลูกกระต่ายเต็มบ้านล่ะก็ แนะนำเลยค่ะ ว่าให้ทำหมันตัวผู้ซะ แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด เลี้ยงเพศ เมียกับเพศเมีย ดีกว่า
ยิ่งถ้าซื้อมาด้วยกัน ตั้งแต่เล็ก ปัญหาว่า จะอยู่ด้วยกันไม่ได้เนี่ยแทบจะไม่มี ส่วนตัวผู้กะตัวผู้เนี่ยมี่ไม่อยากจะแนะนำค่ะ เพราะว่าตอนเด็กๆ ก็จะดีอยู่หรอกค่ะ อยู่กันปรองดอง แต่เมื่อเค้าโตเป็นหนุ่ม ล่ะก็ มักจะกัดกันค่ะ จะชิงความเป็นใหญ่กันค่ะ


ดูตาน้องเค้าจิ สายตายังกะกระต่ายขี้เหงา

คิดให้ดีก่อนเลี้ยงน้องกระต่าย

เห็นกระต่ายน่ารักๆ ในบล๊อกหนูมี่แล้วหลงรักกระต่ายเข้าแล้วใช่ไหมคะ แต่ว่าก่อนที่เพื่อนๆ จะหยิบตังก์ออกไปเลือกหาเพื่อนตัวน้อยที่แสนจะน่ารักนี้ มาครอบครอง เรามาศึกษากันดูก่อนดีไหมคะ ว่ากระต่าย เหมาะกับเพื่อนๆ จริงๆหรือเปล่า



กระต่ายเป็นสัตว์ที่อายุยืน ก่อนเลี้ยงท่านต้องคิดก่อนว่า ท่านสามารถจะดูแลกระต่ายได้ จนถึงวันสิ้นอายุขัยหรือไม่ หลายๆครั้งที่พบว่า กระต่ายได้ถูกทอดทิ้ง เพียงเพราะเจ้าของเบื่อหน่าย หรือ เพราะต้องย้ายที่อยู่ เช่น ใครที่อยู่อพาร์ตเมนท์ช่วงสั้นๆ แล้วรู้ว่า ในอนาคตต้องย้ายไปอยู่บ้าน ไม่สามารถจะเลี้ยงกระต่ายได้ ก็ควรจะคิดให้ดีก่อน

กระต่ายเป็นสัตว์ที่ออกลูกดก สามารถจะออกลูกได้ปีละ 5 ครอกเลยทีเดียว แต่ละครอกอาจจะมีมากถึง 8 ตัวเป็นต้น ดังนั้นหากท่านคิดจะเลี้ยง ควรจะคิดให้ดี ว่าจะทำอย่างไรกับลูกกระต่าย หากท่านไม่อยากรับภาระเรื่องลูกกระต่าย ท่านควรจะเลือกเลี้ยงกระต่ายเป็นเพศเมียทั้งหมด

กระต่ายเป็นสัตว์ที่กินพืชเป็นอาหาร และกินอาหารเม็ดด้วยเช่นกัน แต่เพื่อสุขภาพที่ดี ท่านต้องให้อาหารจพวกผัก และ ผลไม้แก่กระต่ายด้วย

กระต่ายเป็นสัตว์ที่ขับถ่ายเยอะ ปัสสาวะ และอุจจาระ หากไม่ได้รับการดูแลเรื่องความสะอาดให้ดีพอ จะมีกลิ่นค่อนข้างมาก

กระต่ายเป้นสัตว์ที่สุภาพ น่ารัก สะอาด ตัวของกระต่ายจะไม่มีกลิ่นเหม็น แต่ห้องของมี่เหม็นมากๆเลย ฮือ เสื้อผ้าก็ด้วยมีแต่กลิ่นกระต่าย เพื่อนๆถ้าจะเลี้ยงจะทนได้แค่ไหน

กระต่ายไม่ส่งเสียงร้องพร่ำเพรื่อ ท่านสามารถจะเลี้ยงในบ้านหรืออพาร์ตเมนท์ได้ แต่อิตัวแสบเนี่ย จะส่งเสียงขู่มี่ประจำเลย ฮือออ

กระต่ายก็เหมือนกับคนค่ะ เจ็บป่วยได้ แต่ว่าหมอที่รักษากระต่ายได้นั้น ควรจะเป็นคุณหมอที่รู้จักกระต่าย ดีพอ ไม่ใช่คลินิคสัตวแพทย์ทั่วไป ดังนั้นค่าใช่จ่ายในการรักษาก็มีเช่นกัน หากเค้าป่วย เพื่อนๆ สามารถจะรับผิดชอบ พาเค้าไปหาหมอได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ อย่าเลี้ยงเลยค่ะ สงสารเค้า เชื่อมี่เถ๊อะ



ตอนนี้ เป็นตอนน้องสายไหมเริ่มไม่สบาย ท้องเสีย


ยืนไม่ค่อยจะอยู่แล้ว


สายไหม กะใบหม่อน

ตัดเล็บเท้ากระต่าย

กระต่ายจะมีนิ้วเท้า 5 นิ้ว ที่เท้าหน้าแต่ละข้าง และมีนิ้วเท้าหลังข้างละ 4 นิ้ว เล็บเท่ากระต่ายจะงอกยาวออกมาเรื่อยๆ เหมือนกับเล็บมือคน ขนาดคนยังต้องตัดเล็บกระต่ายเองก็เหมือนกัน ต้องตัดเป็นระยะๆ เราควรตัดเล็บกระต่ายอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง

การตัดเล็บกระต่ายเป็นสิ่งที่จำเป็นเพราะว่า กระต่ายจะได้ไม่เอาเล็บเท้าข่วนตัวเองตอนที่เกา ไม่ข่วนถูกคนเลี้ยงในขณะที่อุ้มกระต่าย ไม่ขูดถูกเพื่อนกระต่ายด้วยกัน และนอกจากนี้ยังป้องกันไม่ให้เล็บกระต่ายไปเกี่ยวกับซี่กรง และเกิดการฉีกขาดบาดเจ็บค่ะ

หากเราหมั่นอุ้มกระต่ายแบบเบามือ เล่นกับกระต่ายบ่อยๆ จะทำให้กระต่ายคุ้นเคยกับการตัดเล็บได้ง่ายยิ่งขึ้น
การตัดเล็บกระต่ายที่ง่ายสุดก็โดยการอุ้มกระต่ายหงายท้องแบบเด็กๆ แล้วค่อยๆ ตัดเล็บเท้าเบาๆ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับ กรต่ายของเพื่อนๆ ด้วยค่ะ ว่าจะยินยอมท่าไหน
หากเพื่อนๆ ยังมือใหม่อยู่ อาจจะหาคนมาช่วยจับด้วยก็ได้ค่ะ

อย่าตัดเข้าเนื้อนะคะ เลือดจะออก และกระต่ายจะเจ็บ หลังจากนั้นกระต่ายจะกลัวการตัดเล็บค่ะ ต้องระวังให้มากๆ (ลองนึกถึงตอนที่เราตัดเล็บเข้าเนื้อแล้วเลือดไหล กระต่ายก็จะเจ็บเหมือนเราค่ะ)

จะตัดแค่ไหนดี ?

ให้ค่อยๆ เอามือลูบขนของกระต่ายขึ้นไปจากเล็บ หากตรงปลายเล็บมีขนบัง เพื่อให้เห็นได้ชัดยิ่งขึ้นว่า ควรตัดตรงตำแหน่งไหน เพราะว่า กระต่ายบางทีแล้วขนของกระต่ายจะมาปกคลุมตรงเล็บเท้า ทำให้เห็นยาก

พยายามมองหาเส้นที่แบ่งระหว่างสีขาวและสีชมพูของเล็บ (มองเทียบกับนิ้วมือของตัวเราเอง ตอนตัดเล็บมือ ก็ได้ค่ะ เทียบของคนประกอบนะคะ จะเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น ) เราต้องตัดต่ำกว่า เส้นสีชมพูนี้ลงมาหน่อย (อย่าตัดติดเส้นสีชมพูนะคะ ให้ห่างออกมานิดนึง ไม่งั้นจะติดเนื้อเล็บเกินไป และเจ็บได้)
ซึ่งส่วนสีขาวเป็นส่วนของเล็บที่ได้ตัดแล้วไม่เจ็บ อย่าไปตัดโดนส่วนที่เป็นเส้นสีชมพูนี้ เพราะว่า จะเป็นการตัดเข้าเนื้อ ซึ่งมีเส้นเลือดหล่อเลี้ยงอยู่ ทำให้เลือดไหล และกระต่ายจะเจ็บ

กระต่ายเล็บดำ จะดูยากหน่อย อาจจะต้องใช้การส่องไฟช่วยค่ะ


ทีนี้มาดูวิธีการตัดจริงๆ นะคะ

อันนี้ ขั้นที่ 1 นะคะ ให้จับมือเค้ามา เลือกนิ้วที่จะตัดก่อน เปิดขนออก ให้เห็นเล็บชัดๆค่า

ขั้นต่อมา เตรียมลงมีด เอ้ย ตัดเล็บค่ะ กะให้พอดีนะค๊า (ใจจิงๆมี่อยากตัดไปทั้งนิ้วเลย จะได้เลิกดื้อ โหะๆ เปงแม่ใจโหดจิงๆ)

นี่ค่ะ ตัดเสร็จ จาได้อย่างงี้ เล็บสะอาดเชียว


หากพลาดไปตัดลึกไป เลยเข้าไปถึงส่วนที่เป็นสีชมพูของเล็บ แล้วเลือดไหล อย่าตกใจค่ะ หากใครเคยตัดเล็บตัวเองพลาดแล้วเลือดไหล จะจำได้ว่าไม่นานเลือดจะหยุดไหลเองค่ะ ไม่จำเป็นต้องใส่ยาอะไร กระต่ายก็เหมือนกันค่ะ ให้เราหยุดตัดแล้วปล่อยกระต่ายเข้ากรง เพื่อให้กระต่ายได้พัก และจะได้เครียดลดลง

แต่หากเราตัดพลาดไปมากๆ แล้วหลังจากทิ้งไว้ซักครู่ เลือดไม่หยุดไหลจริงๆ ก็ให้เราไปซื้อผงห้ามเลือดมาค่ะ จะช่วยให้เลือดหยุดไหลได้
เล็บเท้าของลูกกระต่ายจะเปราะและคมกว่ากระต่ายโต ดังนั้นควรจะตัดเหมือนกัน และตัดอย่างระมัดระวังค่ะ

ปล.รูปตัดเล็บพวกนี้มาจากในเน็ตเน้อ มี่ตัดไปถ่ายรูปไปม่ายได้ น้องเค้าดื้อมากๆ เด๋วจับไม่อยู่ แต่ตัดเล็บเค้าแล้ว เหมือนมันจาขูดเจ็บกว่าเดิมยังไงม่ารู้ ฮืออออ

เกี่ยวกะฉี่น้องกระต่าย


กระต่ายฉี่เป็นสีแดง ผิดปกติจริงๆหรือ

เจ้าของหลายๆคนอาจจะตกใจ เมื่อวันนึงได้เห็นฉี่ของกระต่ายที่เลี้ยงอยู่เป็นสีแดงเหมือนกับเลือด อย่าเพิ่งตกใจค่ะ ก่อนอื่นต้องดูให้ดีๆก่อนว่า นั่นคือ ฉี่เป็นเลือดจริงๆ หรือ ฉี่มีสีแดง กันแน่ เพราะว่า ที่จริงแล้ว กระต่ายที่ฉี่เป็นเลือดนั้น มีน้อยมากๆ ส่วนใหญ่พอเอาเข้าจริงๆ กลายเป็นสีในพืชที่กระต่ายกินเข้าไปค่ะ ไม่ได้เกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยเลย แม้แต่นิดเดียว



ปกติแล้วฉี่ของกระต่ายจะมีสีเหลืองอ่อนๆ การที่ฉี่เป็นสีแดงนั้น จะเกิดจากฉี่มีสีค่อยๆเข้มขึ้นค่ะ
จาก สีเหลืองอ่อน ไปเป็นเหลืองเข้ม แล้วเข้มขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นสีส้ม สีแดง

ส่วนใหญ่เกิดจาก การกินผักที่มีเบต้าแคโรทีนมากๆ อย่างเช่น พวกแครอท เป็นต้น ในกรณีที่กินยาปฏิชิวนะก็มีผลค่ะ หรือบางครั้ง การกินน้ำน้อยก็มีส่วน เพราะว่าฉี่เข้มข้นขึ้น ทำให้มีสีเข้มขึ้น ตามปกติแล้ว ภายในไม่เกิน 3 วัน กระต่ายจะฉี่เป็นสีเดิมค่ะ




แต่ถ้าหากว่า พิสูจน์มาแล้ว ว่าเป็นเลือดแน่ๆ เนี่ยเป็นไปได้ค่ะ ว่านั่นเป็นสัญญาณบอกโรคร้าย เช่น ระบบ มดลูกมีปัญหา เช่น มะเร็งมดลูก หรือไม่ก็อาดจะมีบาดแผล หรือไม่ก็โรคเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะ



แต่หากว่าเราพบว่ากระต่ายพยายามเบ่งฉี่ แต่ฉี่ไม่ออก ใช้เวลานานผิดปกติ กระต่ายอาจจะเป็นนิ่วค่ะ อาจจะต้องพาไปหาหมอเพื่อทำการ X-ray

ถ้าฉี่กระต่าย ถ้าเป็นสีขาว อาจจะเป็นอาการบ่งบอกว่า มีแคลเซี่ยมสูงเกินไป เอ๊ะ แต่มี่ว่า มี่ไม่เคยให้น้องกระต่ายกินกระดูกซักทีนี่นา หรือว่า น้องเค้าแอบกิน ชะ ชะ ช้า ไม่ได้ซะแระ มาแย่งมี่กินได้ไง 555

น้องกระต่ายอ้วนไปไม่ดีนะคะ

เคยสังเหตุบ้างหรือเปล่า ว่าเพื่อนตัวน้อยอ้วนไปหรือเปล่า ที่จริงกระต่ายอ้วนๆก็น่ารักดีค่ะ แต่ว่า อ้วนไปไม่ดีหรอกค่ะ

กระต่ายที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ

จะ ต้องออกเดินทางหาอาหาร ต้องหลบหนีจากการถูกตามล่าโดยผู้ล่า เช่น หมาป่า เหยี่ยว และต้องต่อสู้กับอากาศที่หนาวเย็นหรือร้อนจัดตามธรรมชาติทั้งหมดนี้ล้วนต้อง อาศัยพลังงาน โดยต้องดึงเอาพลังงานจากอาหารที่กินเข้าไปเอาออกมาใช้จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องอ้วนแถมอาหารก็ยังไม่ใช่พวกแป้งเหมือนอาหารสำเร็จรูป แต่เป็นหญ้า และผักตามธรรมชาติ


ใบหม่อนน่าร๊ากมั้ยคะ

แต่กระต่ายบ้าน
หรือกระต่ายที่เราเอามาเลี้ยงเป็นเพื่อนส่วนมากจะโดนขังในกรง บางตัวเจ้าของแทบไม่เคยปล่อยออกมาวิ่งเล่นออกกำลังกายนอกกรงเลยทั้งๆที่กระต่ายควรจะได้รับอิสรภาพ ได้ออกกำลังกายวิ่งเล่นข้างนอกกรงบ้าง

แถมอาหารก็ยังไม่เคยต้องหาเอง มีเจ้าของหาอาหารมาให้บางตัวก็ได้กินแต่อาหารเม็ด ส่วนพวกหญ้า หรือผักใบเขียวแทบจะไม่ได้แตะเลยก็มียังงี้จะไม่ให้อ้วนได้ยังไงเนอะ แถมยังจะโดยตอนหรือทำหมันเสียอีกผลก็คือ เจ้ากระต่ายตัวน้อยก็เลยอ้วนปั๊ก


นี่รูปใบหม่อนค่ะ ตอนนี้ม่ายอยู่แล้ว น้องเสียแล้ว

แต่ว่ารู้ป่าวคะว่าน้องกระต่ายอ้วนน่ะไม่ใช่น้องกระต่ายแข็งแรงนะค๊า

่กระต่ายอ้วนถึงจะดูน่ารักแต่ไม่ใช่ว่าจะดีนะคะกระต่ายอ้วนก็เหมือนกับคนอ้วนๆ สุขภาพจะไม่แข็งแรงค่ะไม่เหมือนคนที่สุขภาพดีที่ออกกำลังกายอยู่เสมอ ผลที่ตามมาจากการที่กระต่ายอ้วนมากเกินไปก็คือ ทำให้มีปัญหาเรื่องหลอดเลือดและก็ยังมีผลกับพวกข้อต่อต่างๆที่ต้องรับน้ำหนักมากเกินความจำเป็นนอกจากนี้ กระต่ายทีอ้วนมากจนเกินไปจะทำความสะอาดตัวเองได้ไม่สะดวกด้วย

การจะก้มไปยังบริเวณก้น เพื่อที่จะกินอึพวงองุ่นก็ทำได้ยาก
ยิ่งทำให้กระต่ายไม่ได้รับสารอาหารที่ควรจะได้จากอึพวงองุ่นไปเสียอีก
(มี่ว่าคงมีคนงงแน่เลย อึพวงองุ่น 555+) แต่ว่ากระต่ายไม่ว่าจะอ้วนหรือผอมเกินไปก็ไม่ดีทั้งนั้นละค่ะ

ทีนี้เราจะรู้ได้งัยกว่ากระต่ายผอมไป กระต่าย บางตัวที่เป็นกระต่ายขนยาวอาจจะดูยากหน่อยพราะขนที่ยาวฟูจะหลอกตาให้ดู เหมือนอ้วนแต่ถ้าใครจับอาบน้ำจะเห็นว่าตัวนืดเดียว อันนี้ก็ควรต้องพยายามสังเกตกันหน่อยค่ะแต่ถ้าเป็นกระต่ายขนสั้นจะสังเกต เห็นได้ง่ายกว่ากันเยอะเลย วิธีดูง่ายๆว่ากระต่ายผอมไปหรือเปล่าให้ใช้มือคลำดูค่ะ โดยลูบไปบริเวณสันหลัง ถ้าหากเราคลำเจอโครงกระดูกแปลว่าผอมไปเสียแล้วหละ

รู้ได้ยังไงว่าอ้วนไปกระต่ายที่มี หัวกลม ตัวมักจะป้อมๆ กระต่ายที่อ้วนมักมีเหนียงที่คอมากนอกจากนี้เราจะเห็นด้วยตาได้ว่า ช่วงไหล่ ขา ว่าใหญ่มีเนื้อมากไปหรือไม่

กระต่ายอ้วนเกินไปทำยังไง ควร จะลดอาหารเม็ด และให้หญ้าจำพวก Timothy หญ้า hay หรือ หญ้าขนแทนโดยใส่ไว้ในกรงให้กระต่ายสามารถจะกินได้ทั้งวัน และอาจจะเสริมผักใบเขียวต่างๆหรือ แครอท เพื่อให้กระต่ายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนมากยิ่งขึ้นถ้ากระต่ายทำท่าไม่ยอมกินเลย เราอาจจะให้ต้องใจแข็งค่ะอย่าใจอ่อนเพราะกระต่ายจะเรียนรู้เองว่าไม่กินก็อด แล้วก็จะพยายามกินเองในที่สุด(แต่การเปลี่ยนอาหารให้เปลี่ยนแบบค่อยเป็นค่อยไปนะคะ ไม่ใช่เปลี่ยนที่เดียวหมด)

แต่มุขนี้มี่ใช้กระอิกระต่ายตัวแสบนี่ไม่ได้ผลค่ะ ตามใจมันจนเหลิงไปแย้ว

ข้าวโพดที่กินนี่เปงข้าวโพดดิบน๊า ข้าวโพดต้มนี่ห้ามขาดเลย

นอกจากนี้ก็ควรปล่อยให้กระต่ายได้ออกมาวิ่งเล่นออกกำลังกายนอกกรงบ้างค่ะ แต่ ระวัง สายไฟ ยาฆ่าแมลง พืชมีพิษ สุนัข แมว หรือผู้ล่าอื่นๆเช่น ตุ๊กแก

(แหะๆ ก้อมี่กลัวตุ๊กแกอ่ะ เลยคิดว่าน้องกระต่ายมันน่าจะกลัวเหมือนมี่นะ)